Bell's palsy
ยังไม่ทราบสาเหตุที่แน่นอน สันนิษฐานว่าเกิดจาการติดเชื้อไวรัสโดยเฉพาะเชื้อเริม(HSV1) ของ
CN 7 facial nerve ที่ควบคุมการทำงานของกล้ามเนื้อใบหน้าทำให้ไม่ทำงานชั่วคราว ส่งผลให้กล้ามเนื้อใบหน้าครึ่งซีกด้านนั้นเป็นอัมพาต
CN 7 facial nerve ที่ควบคุมการทำงานของกล้ามเนื้อใบหน้าทำให้ไม่ทำงานชั่วคราว ส่งผลให้กล้ามเนื้อใบหน้าครึ่งซีกด้านนั้นเป็นอัมพาต
ภาพ A หน้าเบี้ยวครึ่งซีกขวาชนิด UMN , ภาพ B หน้าเบี้ยวครึ่งซีกขวาชนิด LMN |
DDX
of Bell's palsy
meningitis
งูสวัด(HZV)
HIV
ไลม์(Lyme)
ซิฟิลิสเรื้อรัง(syphilitic gumma)
sarcoidosis
โรคเรื้อน(leprosy)
การกดทับจากเนื้องอกหรือการอักเสบติดเชื้อของparotic gland หรือ จากต่อมน้ำเหลือง
trauma
Guillain
Barre syndrome
และที่สำคัญคือเส้นประสาทที่
7 ขาดเลือดที่พบในเบาหวาน
การวินิจฉัย
โดยการตรวจอาการทางคลินิกส่วนมากมักจะเพียงพอ
ยกเว้นในรายที่ต้องการวินิจฉัยแยกโรคจากภาวะอื่นๆดังกล่าวข้างต้น
จึงจะทำการตรวจเพิ่มเติม โดยเฉพาะอย่างยิ่งในคนสูงอายุ หรือสงสัยโรคเบาหวาน
อาการจะหายหรือไม่
การผ่าตัดในสมัยก่อนเรียก microvascular
decompression ประมาณ 80-90% จะหายเป็นปกติ
อาการมักดีขึ้นในสองสัปดาห์ และส่วนมากจะกลับเป็นปกติใน 3-6 เดือน
ส่วนน้อยเท่านั้นที่มีความผิดปกติหลงเหลืออยู่บ้าง หรือเกิดเส้นประสาทต่อกันผิด (synkinesis)
จะทำให้มีอาการ เช่น ทานอาหารแล้วน้ำตาไหล หรือ
หลับตาแล้วมุมปากขยับ ยิ้มแล้วตากลับปิดลง เคี้ยวแล้วกลับมีน้ำตาไหล
โอกาสเป็นซ้ำน้อยมาก แต่มีรายงานพบประมาณ 7 - 15 %
การรักษา
specific tx : valacyclovir ร่วมกับสเตียรอยด์
ให้ผลดีกว่าไม่ได้ยา
การใช้สเตียรอยด์ภายในสามวันแรกพบว่าให้ผลการรักษาที่ดีกว่ายาหลอก
ยา acyclovir
ไม่ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการรักษา
supportice tx : การรักษาตามอาการและการป้องกันภาวะแทรกซ้อน
มีความสำคัญมาก เนื่องจากผู้ป่วยหลับตาไม่สนิทจึงมักมีตาแดง
และอาจนำไปสู่กระจกตาอักเสบได้ ดังนั้นจึงแนะนำผู้ป่วยให้
ใช้น้ำตาเทียมเพื่อป้องกันตาแห้ง
ใช้ยาขี้ผึ้งป้ายตาก่อนนอน
หรือที่ครอบตาป้องกันฝุ่นเข้าตาเวลานอนหลับ
สวมแว่นกันลมเวลาออกนอกบ้าน
อย่าขยี้ตาข้างที่ปิดไม่สนิท
การทำกายภาพบำบัดเพื่อเป็นการฝึกกล้ามเนื้อใบหน้าที่อ่อนแรงให้ได้ทำงาน
เพื่อรอการฟื้นตัว
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น